วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

งานวิจัยเรื่องน้ำที่สะท้อนความรู้สึกของมนุษย์

สาส์นจากวารี : งานวิจัยเรื่องน้ำที่สะท้อนความรู้สึกของมนุษย์
ดร.มาซารุ เอโมโตะ นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งและประธานสถาบัน I.H.M. General Research Institute และ I.H.M. International HADO Membership ได้เริ่มงานวิจัยเกี่ยวกับภาพถ่ายที่สะท้อนอารมณ์ของผลึกน้ำจากการทดลองภายในครอบครัวเป็นเวลานานกว่าสิบปี และเนื่องจากมีข้อจำกัดทางงบประมาณจึงไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยถ่ายภาพผลึกน้ำ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถและนำไปสู่ความเข้าใจถึงบทบาททางอารมณ์ของมนุษย์ที่มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา


1.ทฤษฎีฮะโด
ฮะโด เป็นปรากฏการณ์สั่นสะเทือนในระดับอะตอมของสิ่งต่างๆ วัตถุทั้งมวลประกอบด้วยอะตอมต่างๆ รวมๆ กัน อะตอมประกอบด้วยอิเล็กตรอนและนิวเคลียสของอะตอม เนื่องจากอิเล็กตรอนนั้นเป็นลบ และนิวเคลียสของอะตอมเป็นบวก ดังนั้น อิเล็กตรอนจึงโคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมด้วยความเร็วที่สูงมาก ก่อให้เกิดระลอกคลื่นความสั่นสะเทือนที่เบาและมีเอกลักษณ์ ระลอกคลื่นความสั่นสะเทือนนี้เองที่เรียกว่า ฮะโด
ฮะโดนั้นเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของพลังงาน มีรากฐานมาจากพลังแห่งการสำนึกรู้ของมนุษย์ ทฤษฎีฮะโด มีหลักการว่า เมื่อปรากฏการณ์ต่างๆมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การสั่นสะเทือนพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแรงสั่นสะเทือนย่อมทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป
2.เครื่อง Magnetic Resonance Analyzer (MRA)
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นที่ทำให้ ดร. เอโมโตะสนใจรูปร่างของผลึกน้ำ มาจากเกล็ดหิมะที่เกิดขึ้นจากสภาวะต่างๆ มีรูปผลึกที่ลักษณะไม่เหมือนกัน ดังนั้น น้ำชนิดต่างๆ บนโลกก็น่าจะมีโครงสร้างของผลึกที่มีลักษณะเฉพาะแน่นอนที่แตกต่างกัน เขาจึงเกิดพยายามค้นหาว่า มีเครื่องมือที่สามารถวัดคุณสมบัติของน้ำได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งได้มาพบ เครื่องมือชื่อ MRA (Magnetic Resonance Analyzer )
MRA ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ ๑๒ ปีมาแล้ว เป็นเครื่องมือที่สามารถวัดสภาวะต่างๆ ของฮะโดได้ โดยการใส่รหัสของรูปพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัตถุแต่ละชิ้น แล้วจึงตรวจสอบดูว่ามันมีแรงสั่นสะเทือนหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันเครื่องมือวัดฮะโดมีอยู่หลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีหน้าที่ในการบันทึกฮะโดเหมือนกัน
3.การทดลองถ่ายภาพผลึกน้ำสะท้อนอารมณ์
สิ่งสำคัญของการทดลองก็คือ การจับภาพของผลึกน้ำ ซึ่งต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังสูงถ่ายภาพผลึกน้ำที่พึ่งจับตัวในห้องที่มีเย็นจัด เขาตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเอาน้ำมาแช่แข็ง น่าจะนำมาถ่ายภาพได้เหมือนกับการถ่ายภาพเกล็ดหิมะ ผลปรากฏว่า ผลึกของน้ำมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน โดยน้ำที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากความรู้สึกรักและขอบคุณจะมีผลึกคริสตัลเป็นรูปทรงหกเหลี่ยมที่สวยงาม ในขณะที่น้ำที่เป็นมลพิษ หรือที่ได้รับความรู้สึกในด้านลบ จะสะท้อนผลึกน้ำรูปร่างน่าเกลียดสีดำทึมออกมา
ดร.เอโมโตะจึงทำการทดลองต่อไปโดยการเก็บตัวอย่างน้ำจากทั่วโลก และสร้างการสั่นสะเทือนในลักษณะต่างๆ ต่อน้ำเหล่านั้น
A-1 A-2 A-3
A-4 A-5,A-6
การทดลองที่น่าทึ่งจำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับรูปผลึกของน้ำ วิธีการทดลองนี้ เริ่มจากภาพ A-3, A-4 ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้ในการทดลอง ถูกหยดลงในจานแก้ววิทยาศาสตร์ จำนวน ๑๐๐ใบ แล้วเก็บในตู้แช่แข็ง ดังภาพ A-1 เป็นเวลา ๒ ชม. จากนั้นจึงนำผลึกของน้ำที่เกิดขึ้นในจานแก้วมาส่องด้วย กล้องจุลทรรศน์แบบ ฉากมืด ( dark field ) และใช้กำลังขยาย ๒๐๐-๕๐๐ เท่า ( ภาพ A-5 , A-6 )
A-7 ภาพตัวอักษรจีนที่แปลว่า น้ำ
ภาพ A-7 ถูกถ่ายไว้ในขณะที่ผลึกน้ำแข็งกำลังจะหลอมละลายเป็นน้ำ ซึ่ง มันได้เปลี่ยนรูปร่างที่มีลักษณะเหมือนคำว่า" น้ำ " ในภาษาจีน ดังนั้นอาจเป็นได้ว่า คนโบราณรู้จักปรากฏการณ์นี้ และได้บัญญัติอักษรคำว่า " น้ำ " จากพื้นฐานข้อมูลนี้เช่นกัน
การทดลองอีกชุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมีความสามารถในการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของคน และ น้ำก็ยังแปรเปลี่ยนไปตามสิ่งนี้ด้วย โดยการให้น้ำได้สัมผัสกับ ดนตรี ,ภาษา และ ตัวหนังสือ
A-8 การทดลองให้น้ำฟังดนตรี A-9
รูปผลึกน้ำที่เกิดขึ้นหลังจากได้ฟังเพลง " Pastorale " ของ บีโธเฟ่น ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากของเขา เพลงมีท่วงทำนองที่สดใส, แปลกใหม่ และสนุกสนาน รูปผลึกที่สวยงามนี้ สนับสนุนความจริงที่ว่า เพลงที่ดีจะส่งผลด้านบวกต่อน้ำได้
A-10
รูปผลึกน้ำที่เกิดขึ้น หลังจากได้ฟังเพลงของโชแปง ชื่อ " Farewell Song " ซึ่งมีความหมายถึงการจากลา
B-1 B-2
ภาพ B-1, B-2 การทดลองให้น้ำเห็นตัวหนังสือ
B-3
ภาพนี้ถูกถ่ายไว้หลังจากเขียน คำว่า " รัก/ขอบคุณ " ติดที่ขวดน้ำ เพียงแค่ตัวหนังสือแต่ก็สามารถส่งผ่านพลังความรัก และความขอบคุณออกมา
B-4
คำที่ใช้แสดงแก่น้ำในภาพ B-4 คือ " แกทำให้ฉันเจ็บ ฉันจะฆ่าแก " ผลที่ตามมาก็คือรูปของผลึกที่ดูน่าเกลียด บิดเบี้ยว ระเบิดเข้าข้างใน และกระจัดกระจาย มันสามารถแสดงความหมายของคำพูดนั้นให้เห็นจริงได้เลยทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก สำหรับการอยู่ในโลกที่มีการใช้คำพูดลักษณะนี้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเท่ากับเป็นการทำร้ายตนเอง
B-5
น้ำที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรทัศน์ นาน 4 ชม.
B-6
น้ำกลั่นที่ได้รับอิทธิพลจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และมีการ ติดป้ายข้อความว่า " รัก/ ขอบคุณ " ไว้ข้างขวด
B-7
น้ำกลั่นที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
B-8 B-9
ไม่ว่าเราจะใช้ตัวอักษร หรือ เพลง หรือรายการทีวี น้ำก็แสดงความสามารถอันไม่น่าเชื่อ ในการดักจับสื่อข้อมูลที่เหมือนกัน ซึ่งแฝงอยู่เบื้องหลังรูปแบบภายนอก และยังสามารถแสดงความแตกต่างของระดับความดี-เลวได้อีกด้วย
ในการทดลองต่อไปนี้ น้ำได้แสดงความหมายของคำว่า "ปัญญา " และ "รัก/ขอบคุณ" ในแต่ละภาษาคือ ญี่ปุ่น อังกฤษ และเยอรมัน น้ำที่ใช้ตั้งแต่เริ่มต้นของการทดลองเป็นน้ำที่ผ่านการกลั่นด้วยมาตรฐานเดียวกัน ผลคือผลึกได้ก่อเค้าโครงรูป ที่เหมือนกันออกมาแม้จะแตกต่างกันในภาษา
C-1 C-2 C-3
ภาพ C-1 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "ปัญญา" ในภาษาญี่ปุ่น
ภาพ C-2 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "ปัญญา" ในภาษาอังกฤษ
ภาพ C-3 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "ปัญญา" ในภาษาเยอรมัน
พวกมันดูค่อนข้างเหมือนกัน ช่องว่างตรงกลางนั้นเหมือนกัน
C-4 C-5 C-6
ภาพ C-4 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "รัก/ขอบคุณ" ในภาษาอังกฤษ
ภาพ C-5 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "รัก/ขอบคุณ" ในภาษาญี่ปุ่น
ภาพ C-6 ภาพผลึกหลังจากอ่านคำว่า "รัก/ขอบคุณ" ในภาษาเยอรมัน
ผลึกน้ำได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้คำพูดที่เขียนด้วยภาษาที่ต่างกัน แต่น้ำก็สามารถสะท้อนสภาวะและความหมายของคำนั้นๆออกมาเป็นรูปร่างที่เหมือนกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม มีผู้พยายามชี้นำว่า น้ำมีชีวิต น้ำมีวิญญาณ ซึ่งดร. เอโมโตะ ได้ให้ความเห็นว่า น้ำไม่สามารถตระหนักรู้ในตนเอง ภารกิจของน้ำ คือ การส่งสาส์นในมิติที่หลากหลาย น้ำเป็นเพียงกระจกสะท้อนความคิดของเราหรือข้อมูลใดๆก็ตามที่อยู่ตรงหน้า โดยจะสังเกตเห็นได้จากผลึกที่ปรากฏรูปร่างออกมาต่างๆ กัน
บทวิเคราะห์

บทบาทของน้ำที่มีต่อสุขภาพ กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจใฝ่รู้ของนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ที่ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ควอนตัมฟิสิกส์ ซึ่งกล่าวถึงการแปรเปลี่ยนสู่กันและกันระหว่างสสารกับพลังงาน ระหว่างอนุภาคและคลื่นสั่นสะเทือน และระหว่างกายกับจิต กล่าวคือ ณ สภาวะควอนตัม จะเป็นภาวะที่เชื่อมโยงกันระหว่างกายกับจิต นามและรูปที่เกิดผลต่อกัน แปรเปลี่ยนสู่กัน พูดง่ายๆ ว่า พลังจิตอาจทำให้เกิดผลอย่างหนึ่งอย่างใดกับกายก็เป็นได้ และเริ่มมีการศึกษาว่า พลังจิตหรือคลื่นพลังต่างๆ นั้น ใช้น้ำเป็นสื่อได้อย่างเหลือเชื่อ

ผลของการทดลองเป็นสิ่งที่น่าพิจารณาว่า น้ำมีคุณสมบัติที่รับรู้ได้ ซึมซับได้ เช่นเดียวกับจิตของมนุษย์ ที่สำคัญมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มีความเป็นบวกเป็นลบแล้วให้ผลออกมาในทิศทางเดียวกับที่สภาพแวดล้อมต่างๆ มีต่อความรู้สึกในจิตใจของมนุษย์เช่นกัน เมื่อคิดต่อไปว่า ถ้าเราด่าน้ำ น้ำจะสะท้อนภาพกลับมาในลักษณะที่ไม่ค่อยดี แล้วนึกย้อนกลับมาดูที่ตัวเองว่า มีน้ำในร่างกายเราถึง ๗๐% ความคิด(มโนกรรม) คำพูด(วจีกรรม) การกระทำ(กายกรรม) ทั้งของเราและคนอื่นมีผลต่อสุขภาวะในร่างกายของเราด้วย ถ้าผลการทดลองของ ดร.มาซารุ เอโมโตะ มีความน่าเชื่อถือ เราควรหันกลับมาเปลี่ยนวิธีคิด วิธีปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลดีขึ้นกับเรา กับโลก และกับจักรวาล
น้ำที่บริสุทธิ์จะไม่ปรากฏสิ่งใด หากเมื่อกระทบต่อสิ่งเร้า คุณสมบัติของน้ำหรือลักษณะผลึกของน้ำก็จะเปลี่ยนไป ไม่ต่างจากจิตเดิมแท้ของมนุษย์ที่ประภัสสร คือ มีความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เมื่อจิตกระทบกับอารมณ์จึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง และแปรเปลี่ยนไปตามคุณลักษณะของอารมณ์อันได้แก่ อารมณ์ที่น่ายินดีพอใจ และอารมณ์ที่ไม่น่ายินดีพอใจ ฉะนั้น ควรหมั่นเจริญวิปัสสนาภาวนาเพื่อให้มีสติครอบครองใจไว้ ผลึกของน้ำทุกหนแห่งบนโลกจะได้งดงาม
การเจริญภาวนาตามแนวพระพุทธศาสนานั้น ให้ความสำคัญกับการตื่นรู้ภายใน ซึ่งเราสามารถฝึกฝนโดยใช้ลมหายใจของเราสัมผัสกับความรู้สึก ลมหายใจที่โปร่งเบาและสงบรำงับ เป็นผลมาจากธรรมชาติของลมหายใจที่มีสติ ทำให้ร่างกายและจิตใจของเราจะค่อย ๆ โปร่งเบาสงบ และชัดแจ้งเช่นเดียวกับความรู้สึก การเฝ้าสังเกตอย่างมีสติตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการ "อทวิภาวะ" คือการไม่แบ่งแยก ความรู้สึกของเรามิได้แบ่งแยกเราจากสิ่งภายนอก
สมมติว่ามีอ่างน้ำใหญ่ใบหนึ่ง ในอ่างมีขวดบรรจุน้ำเต็มขวดแล้วปิดฝา ลอยอยู่จำนวน ๑,๐๐๐ ขวด ถ้าเราทุบขวดให้แตกไปทีละใบจนหมดอ่าง เราก็จะพบว่า น้ำในอ่างใบใหญ่นั้นได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่สามารถแยกแยะได้ว่า น้ำจากขวดที่หนึ่ง ขวดที่สอง ไปจนถึงขวดที่หนึ่งพัน ลอยอยู่ตรง ไหน เพราะน้ำจากแต่ละขวดได้ประสานกันเป็นหนึ่ง
บรรดาขวดน้ำเหล่านั้นจึงเปรียบได้ดังอัตตาของคนเราที่ยึดถือไว้ ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถทำลายกรงขังซึ่งเปรียบเสมือนขวดน้ำนี้ออกไปได้? เพราะความจริง ไม่มีผู้ใดเลยที่สามารถช่วยทุบขวดของเราให้แตก นอกจากตัวเราจะเป็นผู้ทุบมันเองความรู้สึกก็คือตัวเรา หากเราไม่ได้จมหรือไม่ถูกครอบครองโดยความรู้สึกหรือปฏิเสธความรู้สึกนั้น ทัศนคติที่ไม่ติดยึดและไม่ปฏิเสธความรู้สึกคือทัศนคติของการปล่อยวางจึงเป็นส่วนสำคัญของการภาวนานั่นเอง
** คัดลอกเนื้อหามาจาก ส่วนหนึ่งของ “ปรัชญา อทวิภาวะ กับความหัศจรรย์แห่งน้ำ” จาก www.tipawandhammasathan.com

6 ความคิดเห็น:

  1. ขอขอบคุณน้องแตงที่ช่วยนำเสนอจนสำเร็จพยายามอย่างมากเมื่อวานนำเสนอแสดงได้แต่ตัวหนังสือภาพไม่ยอมแสดงเลยรู้สึกไม่ครบองค์ประกอบไงก็ก็รู้สุดท้ายวันี้หนูแตงก็ทำสำเร็จขอบคุณค้าบบบบบบบบบบบบบบบ

    ตอบลบ
  2. ผลวิวิจัยนี้น่าทึ่งดีนะคะ แม้แต่สิ่งยังรับรู้ได้และแสดงออกถึงความรู้สึกต่างๆที่สัมผัสเรื่องดูแปลกแต่จริงแล้วท่านละสัมผัสได้ไหมคะ...สะปะเรื่องราว............

    ตอบลบ
  3. ยินดีให้บริการค่ะ...
    ครูแดงมีอะไรก็โทรขึ้นมาได้เลยนะคะ
    ^_^

    ตอบลบ
  4. บางอันก็น่ากลัวจัง

    ตอบลบ