วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กลไกลการหัวเราะเป็นอย่างไร


กลไกการหัวเราะเป็นอย่างไร
อารมณ์ ขันเป็นกระบวนการที่สมองเรียบเรียงความรู้สึกที่รับจากแหล่งต่างๆรอบๆตัว เช่น การจี้สะเอว การอ่านหนังสือการ์ตูน การดูหนัง ฟังเพลงและภายในจิตใจ เช่น การคิดเรื่องตลกขำขัน เป็นต้น โดยสัญญาณจะเข้ามาที่จุดรับความรู้สึกเบื้องต้นบนผิวสมองใหญ่ และส่งต่อไปยังสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์เพื่อประมวลผล เมื่อผลสรุปว่าขำสัญญาณจะถูกส่งไปยังก้านสมองอันเป็นจุดสุดท้าย ก้าน สมองจะทำหน้าที่แสดงอารมณ์ขัน ได้แก่ การเปล่งเสียงตามอารมณ์ให้เป็นจังหวะที่กลมกลืนกับการหายใจและการแสดงออกของ หน้าตา รวมเป็นการหัวเราะ

ประโยชน์ของการหัวเราะ
สุขภาพจิตดีขึ้น แก่ช้าลง การหัวเราะจะกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลายทำให้การหายใจเข้าออกดีขึ้น ช่วยนวดอวัยวะภายในอย่างหัวใจและปอด ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้อดทนต่อความเครียดได้มากขึ้น ลดอาการเจ็บปวด ทำให้ระบบต่าง ๆในร่างกายทำงานอย่างสงบ ช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น การหัวเราะยังช่วยเร่งขบวนการเยียวยาของร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ฯลฯ
รักษาโรคซึมเศร้าจนถึงโรคหัวใจ ขณะนี้การหัวเราะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยแทนที่การบำบัดด้วยยาคลายเครียดและยาแก้ปวด ในอเมริกา อังกฤษและอีกหลายประเทศ การ รักษาด้วยอารมณ์ขันให้ผลเช่นเดียวกับการออกกำลังกาย เป็นการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยระงับความเจ็บปวด และฮอร์โมนเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราอารมณ์ดี ขณะเดียวกันก็ทำให้ระดับฮอร์โมนที่ทำให้เครียดลดลง
ทำให้ผู้หญิงหายเป็นหมันและตั้งท้องได้ หมอเชวัช ไฟรด์เลอร์ สูติ นารีแพทย์ ที่อิสราเอล ทดลองใช้การแสดงของดาราตลกเข้าร่วมรักษาบรรดาผู้หญิงที่มีบุตรยาก พบว่าหญิงที่มีบุตรยากมีอัตราการตั้งท้องสูงขึ้นจาก 20 เป็น 35 เปอร์เซ็นต์
รักษาโรคหวัดและมะเร็ง ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอนของประเทศสหรัฐฯ วิจัยด้วยการตรวจสอบภาวะอารมณ์และจิตใจของอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 334 คน ก่อนและหลังพ่นเชื้อไวรัสหวัดเข้าจมูกเพื่อให้อาสาสมัครป่วยเป็นไข้หวัด แล้วศึกษาอาการของแต่ละคน พบว่าผู้ที่รู้สึกว่ามีความสุข หัวเราะง่าย มีความกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มักไม่ค่อยเป็นหวัด ผิดกับผู้ที่มีอารมณ์ซึมเศร้า เจ้าทุกข์ ฉุนเฉียวเก่ง จะติดหวัดได้ง่าย และการวิจัยของอีกหลายสถาบันสรุปว่า การหัวเราะสามารถบำบัดโรคได้จริง เช่น โรคมะเร็งระยะที่ 1 และ 2 แต่ ต้องให้ยาควบคู่กับการบำบัดด้วยเสียงหัวเราะ โรคภูมิแพ้ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและอาหารก็พบว่ามีผลต่อการบำบัดด้วยการหัวเราะเช่น เดียวกัน
วันนี้คุณ หัวเราะ หรือยัง? รู้ว่าการหัวเราะมีประโยชน์ขนาดนี้แล้ว วันหนึ่ง ๆอย่าลืมหาเรื่องหัวเราะเพื่อบำรุงสุขภาพจิตกันนะคะ ลองหาหนังสือขำขันสักเล่มหรือหนังตลกสักเรื่องมาเปิดดู แล้วคุณจะรู้ว่ายาวิเศษที่ไม่ต้องไปซื้อหานั้นมีอยู่จริงในตัวเรานั่นเองค่ะ !
ข้อมูลจาก..หนังสือกุลสตรี เม.. 50
ด้วยความรักและปรารถนาดี
อาจารย์กัญจนา เตชะอุด

11 ความคิดเห็น:

  1. วันนี้หมู่เฮาไข่หัวกั๋นแล้วกาเจ้า

    ตอบลบ
  2. ทุกเช้าและเกือบทุกวันครูแดงจะโทรหาน้องชาย(น้องร่วมโลก)ในpyuซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งบริหารเครียดจนเป็นควาดันสูงแถมมาคุยสัพเพเหระหรอกให้หัวเราะหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ดกันไปเลยคลายเครียดเขาไปได้เยอะแถมได้บุญแบบไม่ทันรู้ตัวประมาณว่ากำลังทำlaugh therapyเสียงั้นทำให้ด้วยใจไม่ต้องเสียค่าบริการ

    ตอบลบ
  3. เหอะ เหอะ พี่ต้อยก็หัวเราะทุกวันค่ะ 5555555 ถึงไม่แก่ คริ คริ (คิดเอาเอง)

    ตอบลบ
  4. หัวเราะคนเดียวไม่workคะพี่ต้อยต้องมีก้วนหรืมีคู่หูคะถึงจะสะใจสุดๆๆไปเล้ยยยยย

    ตอบลบ
  5. สรุปว่าหัวเราะแล้วดีครับ 555

    ตอบลบ
  6. ตัวใครตัวมัน ก็หัวเราะบ่ออก เหมือนกัน เด้อะ

    ตอบลบ
  7. หัวเราะทุกวัน ไม่เครียด เลือดสูบฉีดดี
    ต้องมีก๊วนดี ๆ ด้วย ไม่งั้นหัวเราะไม้ออกเหมือนอ.ยุทธว่าค่ะ

    ตอบลบ
  8. ใครอยากหัวเราะโทรมาเราซิคะ357แต่ต้องจองคิวล่วงหน้ากันเลยนะคสมองมันถูกใช้ งานหนักมากคือไม่ค่อยจะว่างแล้วบางที่ตั้งรับไม่ทันมุกหายแบบฉับพลัยทันใด แบบงง งงคิดไรก็ไม่ออก........แถมตลกจะตกงานเพราะครูแดงผิดบาปเลยนะนั่น......สาธู ข้าน้อยบ่อมีเจตนาเจ้าคือแบบว่าการสนทนากับใครเป็นบางคนเท่านั้นที่มันจูนกันติดเลยเตลิดเปิดเบิง......หัวเราะกันแบบว่าต้องวางสายแบบกระทันหันเดี๋ยวไม่ทันนำ จะ้ท่วมท่อจะแตกไรประมาณน้าน นนนนนนน

    ตอบลบ
  9. ก็อย่าตัวใครตัวมันกันซิเจ้าคะจะได้หัวเราะกันออกไงงงงงงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ
  10. หัวเราะแล้วอายุยืนด้วย

    ตอบลบ