วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิทานของพ่อ

**** ครูแดง แจ้งความประสงค์มาว่าอยากให้บทความนี้มาอยู่ที่ สัพเพเหระฯ แทนที่จะอยู่ที่ in focus แตงเลยขออนุญาตย้ายบทความมานะครับ ... ^_^ ****



นานมาแล้ว นานเท่าไหร่ไม่รู้ พ่อมักจะเริ่มต้นเรื่องอย่างนี้ทุกครั้ง
มีเจ้าหญิงอยู่องค์หนึ่ง เจ้าหญิงคนนี้เป็นคนขยัน ทำอาหารเก่ง ชอบทำงานบ้านเสมอ ๆ เจ้าหญิงของพ่อ มักจะเป็นคนที่ขยันเสมอ ๆ เจ้าหญิงได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในสวนดอกไม้ข้าง ๆ ในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเก็บดอกไม้....

เมื่อผมพิมพ์มาถึงตรงนี้ ก็ต้องลากแถบดำแล้วกด Delete ลบข้อความนั้นทิ้งเสียทั้งหมด หลังจากที่ผมนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง แต่งานเขียนของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนไปสักอย่าง ทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องส่งต้นฉบับในวันพรุ่งนี้แล้ว แย่จริง ๆ สมาธิหายไปไหนหมดนะ บรรยากาศ ภาพความหลังในวัยเด็กหายไปไหนหมดนะ นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าหนอ รับงานเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับพ่อมา ก็เพราะคำสั้นๆ "พ่อ" นี่แหละที่ทำให้ผมเขียนไม่ออก ไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะพ่อไม่เคยอยู่ในความทรงจำของผม หรือเป็นฮีโร่เยี่ยงอย่างพ่อคนอื่น ๆ จนบางครั้งผมมีความรู้สึกราวกับว่า พ่อกับผมเป็นคนแปลกหน้าที่ต่างวัยและบังเอิญมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน พ่อยังเป็นคนทำลายครอบครัว ทำลายความรักที่แม่มีต่อพ่ออย่างหมดสิ้นจนแม่ทนไม่ไหวต้องหย่าร้างกันไปในที่สุด และพ่อยังจะทำลายความฝันของผมอีก
ผมอยากเรียนหนังสือ ผมชอบงานเขียนหนังสือ ผมบอกกับพ่อในวันที่พ่อบอกให้ผมเลิกเรียนหนังสือ และออกมาช่วยกันทำงานที่โรงกลึงของตนเอง แกจะเรียนไปทำไมนักหนา กิจการของพ่อก็มี แล้วไอ้ความฝันบ้า ๆ บอ ๆ "ผมทิ้งมันไม่ได้ ผมทิ้งความฝันของผมไม่ได้หรอกพ่อ" ผมเถียง "แต่แกต้องทิ้งมัน แกต้องมาช่วยฉันทำงาน" พ่อยื่นคำขาดตอบกลับมา "พ่อ.... มันหมดสมัยที่พ่อจะบังคับลูกแล้วนะ" ผมเถียงอย่างไม่ลดละ "แต่ฉันจะบังคับแก" พ่อยืนกรานพร้อมกับยื่นคำขาด "พรุ่งนี้แกต้องไปลาออก" "ผมเกลียดพ่อ ผมเกลียดความคิดโง่ ๆ ของพ่อ เกลียดการกระทำของพ่อ ที่วัน ๆ มัวแต่นั่งทำงานงก ๆ พ่อไม่เคยสนใจผม พ่อไม่เคยถามผมสักคำว่าผมต้องการอะไร พ่อก็บังคับผม ผมเกลียดพ่อ" ผมตวาดใส่พ่อพร้อมสีหน้าแดงก่ำ ฝ่ามืออันหนักอึ้งของพ่อกระทบลงบนใบหน้าแก้มข้างขวาของผมอย่างจัง ผมหน้าชา ส่วนเจ้าของฝ่ามือเอ่ยด้วยเนื้อตัวสั่นเทา "แกออกไป.... แกออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะ แกไม่ใช่ลูกฉัน"
 "ดูแลตัวเองดี ๆ นะ" ผมหันมาบอกน้องชายที่ยืนอยู่ห่าง ๆ แล้วผมจึงก้าวเดินออกจากบ้านหลังนั้นมา ไม่หันหลังกลับไปมองอีก ด้วยความเคียดแค้นที่คุกกรุ่นอยู่ในใจ

นับจากวันนั้นมา.....

ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าหลังหนึ่งตามลำพัง ยังดีที่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเกือบหมื่น ซึ่งมันก็พอจะเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆได้บ้าง แต่ผมก็ยังเฝ้าหางานทำอยู่หลายที่ แต่มาตกอยู่กับการเป็นนักแสดงสมทบหรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า"ตัวประกอบ" เพื่อแลกกับเงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่ผมก็ยังไม่ละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนหรอก ผมเฝ้าฝึกฝีมืองานเขียนจนคิดว่าดีพอ ถึงได้ลองส่งไปลงยังนิตยสารฉบับหนึ่ง

จนในที่สุดก็ได้รับการตีพิมพ์ ผมเริ่มมีความสุขกับการเขียนหนังสือมากขึ้น เมื่อความฝันของผมเป็นจริง หนังสือเล่มแรกในชีวิตของผมพิมพ์เสร็จเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้ว ผมรับหนังสือจากพี่ใหม่มา เปิดออกดูทีละหน้า ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีโอกาสแบบนี้จริง ๆ

"นี่มันสุดยอดความฝันของผมเลยครับพี่ ขอบคุณมากครับ" ผมพูดด้วยสีหน้าและแววตาลิงโลดใจ

" เอ้า! นี่หนังสือของนัทเก้าเล่ม พี่ให้นัทเอาไว้แจกเพื่อน ๆ ถ้าไม่พอยังไงก็เข้ามาเอาใหม่ล่ะกัน" พี่ใหม่เอ่ยพร้อมหยิบห่อกระดาษยื่นให้ผม แล้วเอ่ยบอก "และนี่เช็คเงินสดค่าเรื่อง"

"ขอบคุณมากครับ พี่ใหม่" ผมรับเช็คค่าความคิดค่าน้ำหมึกของผมมาถือไว้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

แต่ ที่แน่ ๆ มันเต็มเปี่ยมจนล้นไปด้วยความภาคภูมิ มาถึงตอนนี้ผมมั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน ผมอยากให้พ่อรู้เหลือเกินว่าในที่สุดผมก็ทำความฝันของผมได้สำเร็จ

ผมละภาพความหลังเก่า ๆ ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยการไปเดินเล่นที่ท่าน้ำสายน้ำแห่งเจ้าพระยา ยังคงไหลเวียนไม่ขาดสาย ประกายแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำระยิบระยับ เรือลำน้อย เรือลำใหญ่แล่นว่ายอย่างเช่นเคย ที่ตรงนี้ล่ะที่ทำให้ผมมีความสุข รู้สึกสบายอกสบายใจทุกครั้ง และมักจะได้คำตอบหรือแนวพล็อตเรื่องอยู่เสมอ ๆ


วันนี้ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกัน เสียงเรียกเครื่องเพจเจอร์ทำลายความเงียบนั้นลง

"พ่อถูกรถชน พี่รีบมาด่วนนะ"  ผมกดข้อความจากน้องชายอ่านซ้ำไปมา ใจหนึ่งลังเลจะไปดีหรือไม่ดี แต่ขาน่ะสิรีบก้าวออกไปก่อนโดยไม่รอคำตอบ "ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ" ผมถามน้องชายเมื่อไปถึงโรงพยาบาล  "ก็พ่อน่ะสิ ทำหนังสือหล่นกลางถนน เลยหยุดเก็บ ก็เลย...." น้องชายพูดเสียงสั่นเครือ  "แค่หนังสือเนียนะ เอามาแลกกับชีวิต พ่อนี่บ้าหรือเปล่า" ผมยังวายหยุดว่าพ่อ  "ถ้าไม่ใช่หนังสือของพี่ พ่อก็คงไม่เก็บหรอก" คำพูดของน้องชายทำเอาผมอึ้งไปพูดไม่ออก หนังสือของผม เพราะหนังสือของผมเหรอ  " พอพ่อรู้ว่า หนังสือของพี่วางแผง พ่อก็รีบไปซื้อทันที พ่อบอกว่า…ไม่ซื้อไม่ได้…นี่ผลงานของลูก นี่ความฝันของลูกและพ่อยังบอกอีกว่าพ่อจะซื้อหนังสือของพี่ทุกเล่ม" น้องชายของผมเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

มาถึงตรงนี้หยาดน้ำใสๆก็เริ่มไหลเอ่อรื้นอยู่เต็มขอบตาของผม น้องชายของผมยังสาธยายให้ฟังต่ออีกว่า...." พี่รู้ไหมพ่อคิดถึงพี่มากแค่ไหน พ่อคิดถึงพี่เสมอนะ พ่ออยากให้พี่กลับมาอยู่ด้วย พ่อยังบอกอีกว่า พ่อจะไม่บังคับอะไรลูก ๆ อีกแล้ว ชีวิตเป็นลูกพ่ออยากให้ลูกเลือกเดินเองแต่พ่อจะคอยอยู่ข้างหลังคอยเป็นกำลัง ใจให้ ในยามที่ลูกเหนื่อยลูกท้อ พ่อยังบอกอีกว่า... พ่อเชื่อว่าลูกสามารถทำความฝันของตนเองเป็นจริงขึ้นได้อย่างมั่นคง"

คำพูดของน้องชายทำเอาน้ำตาที่เต็มไหลอาบแก้มเมื่อครู่ไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ ตัว ผมไม่เคยรู้สึกดีกับพ่อมาก่อนอย่างนี้ ผมไม่เคยรู้สึกรักพ่อมาก่อนเท่าครั้งนี้ ถึงเวลานี้ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่ผมจะโผเข้าสวมกอดร่างของพ่ออีกครั้ง จะนานแค่ไหนไม่รู้

เวลาผันผ่านไปนานกี่ชั่วโมงผมมิอาจทราบได้ กว่าที่ประตูห้องฉุกเฉินนั่นจะเปิดออก แล้วผมจะกลับเข้าบ้านหลังนั้นอีกครั้ง กลับเข้าไปสู่อ้อมแขนของพ่ออีกครั้งและครั้งนี้มันคงทำให้ผมเขียนเรื่องสั้น ได้ทันส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้แน่นอน ผมตั้งชื่อเรื่องรอไว้ก่อนแล้วว่า...


'นิทานของพ่อ' พ่อคนเดียวที่สอนให้ผมรู้จักตัวเองให้ผมเข้มแข็ง ให้ยืนหยัดได้ด้วยความฝัน สองแขนสองขาของตัวเอง ผมอยากบอกว่า ผมรัก รักมาก อย่างที่ไม่เคยรักมาก่อน และ.... ผมก็รักพ่อไม่น้อยกว่าที่รักแม่หรอก

4 ความคิดเห็น:

  1. มีความคิดเห็นขึ้นมา 2 อัน ก็เลยย้ายมาด้วยกันเลยเน้อครับ ..... ไม่งงนะครับ .....



    กัญจนา (น้องแดง) กล่าวว่า...

    ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ข้อมูลอยู่ที่ผิดทางไปหน่อย เพิ่มเริ่มทำแบบฝึกหัดคะ มีน้องเฟื่องเป็นพี่เลี้ยงให้ต้องขอบคุรมา ณ ที่นี้ ด้วยคะ
    อ่านแล้วเป็น อย่างไรบอกเล่าก้าวสิบกันโตยเน้อเจ้า
    7 กรกฎาคม 2553, 15:40



    Fuang กล่าวว่า...

    ซื้งจริง ๆ เลยค่ะ...น้ำตาซึมเลย...
    7 กรกฎาคม 2553, 15:42

    ตอบลบ
  2. ขอให้ข้มูลเพิ่มเติมครูแดงไม่ได้แต่งเองนะคะคัดลอกมาจากvariety teenee.com นานหลายเดือนแล้วค่ะอ่านแล้วกั๊ดอกซาบซึ้งมากๆๆเลยนำมาแบ่งปันกันคะ

    ตอบลบ
  3. ใส่รูปแล้วด้วยนะครูแดง

    ตอบลบ
  4. ซึ่งจริง ๆ ด้วยค่ะ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย

    ตอบลบ