วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิปัสสนาฉบับมือใหม่หัดขับ ๔๖ ตอน มีนิพพานเป็นอารมณ์


นิพพานเป็นสิ่งสูงสุดของศาสนา พอมีคำว่าสูงสุดเข้ามาเกี่ยวข้อง ชาวพุทธก็เลยคิดไปไกลเกินความเป็นจริง คือคิดว่ามันคงเป็นของวิเศษ เป็นเหมือนแก้วสารพัดนึกอะไรสักอย่าง ด้วยความศรัทธาในศาสนาจึงมีความปรารถนาสิ่งสูงสุดอันนั้น แม้จะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ชาวพุทธเกือบทุกคนก็ตั้งความปรารถนาในนิพพานกันทั้งนั้น แต่ระบบการเรียนการสอน การถ่ายทอดหลักธรรมของสังคมเราน่าจะมีปัญหา มีแต่คนต้องการนิพพาน แต่ขาดคนสนใจใคร่ศึกษาเรียนรู้ว่านิพพานแท้จริงมันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ชาวโลกสามารถได้ประโยชน์จากนิพพานในแง่ใดบ้าง เราขาดการชี้แนะในเรื่องนี้ นิพพานเลยกลายเป็นนิยายปรำปราที่ทุกคนต้องการ แต่ไม่รู้ว่าจะได้อย่างไร ได้เมื่อไร โดยวิธีไหน น้อยคนจริงๆที่จะรู้และเข้าใจ

ดังนั้นเราจึงควรพูดถึงกล่าวถึง นิพพานกันให้มากกว่านี้ ให้มากให้ถูกต้องสมกับที่เป็นสิ่งสูงสุดที่มนุษย์พึงมีพึงได้ เพื่อคนที่มีปัญญาพอที่จะไคว่คว้ามาได้ จะได้รู้ตัวว่า เราๆท่านๆนี่แหละสามารถเข้าถึงนิพพานได้ ในขณะตัวเป็นๆนี่แหละ ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี่แหละ ในขณะเวลาเช้าสายบ่ายค่ำ วันนี้วันพรุ่งนี้นี่แหละ เราสามารถมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้ตลอดเวลาถ้าเรารู้จักนิพพานที่แท้จริง

ตามหลักปฏิจจสมุปปบาทได้กล่าวไว้ว่าเมื่อสิ้นภพ คือสิ้นความมีความเป็น หมายถึงสิ้นความรู้สึกว่ามีสิ่งใดเป็นสิ่งใด หรือสิ่งใดมีสิ่งใดเป็น เมื่อสิ้นความมีความเป็นก็สิ้นชาติสิ้นการเกิด เมื่อไม่มีการเกิดก็ย่อมสิ้นทุกข์ คำว่าสิ้นทุกข์ก็คือนิพพานนั่นเอง จึงมีในหลายพระสูตรกล่าวไว้ว่านิพพานคือการสิ้นภพสิ้นชาติ พระพุทธเจ้ายังตรัสตอนตรัสรู้ว่า"ภพใหม่เราไม่มีอีกแล้ว" นั่นหมายถึงเมื่อใดเราถอนความเห็นว่ามีออกเสียได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีจิต การมีกาย การมีตัวฉัน การมีของฉัน การมีการเป็นในสิ่งใดๆ ถ้าเราถอนความเห็นว่ามีว่าเป็นออก ได้ เมื่อนั้นเราก็ไม่มีทุกข์ ไม่มีทุกข์ก็คือนิพพานนั่นเอง เป็นสิ่งเดียวกัน ตัวเดียวกัน คือความไม่มีเหมือนกัน ไม่มีตัวตนไม่มีจิต ไม่มีสิ่งใดๆนั่นเอง

ดังนั้นนิพพานจึงไม่ใช่สิ่งที่สูงสุดเอื้อม แม้จะเป็นสิ่งสูงสุด แต่ก็ไม่ไกลเกินคว้า ความไม่มีทุกข์คือสิ่งสูงสุดของศาสนาพุทธ ไม่มีทุกข์หรือนิพพานเป็นสิ่งสูงสุดด้วยเหตุนี้ และเมื่อใดที่เราไม่มีทุกข์ เราจะเรียกธรรมชาติที่ไม่มีทุกข์ว่าหมดทุกข์ก็ได้ ดับทุกข์ก็ได้ นิพพานก็ได้ สิ้นภพสิ้นชาติก็ได้ แล้วแต่เราจะเรียกเพราะมันเป็นสิ่งเดียวกัน คนเราเข้าใจผิดไปเองว่านิพพานคือสิ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องมีบารมีแบบนั้นแบบนี้จึงจะได้นิพพาน เข้าใจนิพพานไปในเชิงเป็น ของวิเศษของขลังของศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ของที่จะได้กันง่ายๆ ขอให้ใช้ปัญญาใคร่ครวญดู นิพพานแปลว่าเย็น หมายถึงเย็นใจ เย็นจากความเร่าร้อนของกิเลส คนจะเย็นแบบนั้นได้คือไม่มีทุกข์นั่นเอง ใครไม่มีทุกข์เขาก็เรียกคนนั้นว่ามีชีวิตที่เย็น หรือมีชีวิตนิพพานนั่นเอง อาจเย็นชั่วขณะคือไม่มีทุกข์ชั่วขณะ ก็นิพพานชั่วขณะ เย็นถาวรก็ไม่มีทุกข์ถาวรก็เรียกนิพพานถาวร ซึ่งทุกคนทำได้ หมดทุกข์ได้ ไม่มีทุกข์ได้ นิพพานได้ ตลอดเวลา ถ้ารู้จักวิธีทำชีวิตให้เย็น ตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้า

นี่คือนิพพานที่ชาวพุทธควรรู้จัก ควรเข้าใจ ควรเข้าถึง และไม่จำเป็นต้องไปรอชาติไหนๆ ชาตินี้ วันนี้ เดี๋ยวนี้ เราก็รู้จัก เราก็เข้าใจ เราก็เข้าถึงได้ ขอเพียงคุณต้องการมันจริงๆ และเริ่มลงมือทำจริงๆ ทุกๆคนทุกๆท่านก็มีนิพพานเป็นอารมณ์ได้อย่างแน่นอน

เจริญธรรม
สมสุโขภิกขุ


5 ความคิดเห็น:

  1. กราบเรียนคุณครู หนูแดงไม่ทราบจะส่งอะไรค่ะเลยขออนุญาตเอาเรื่องนี้มาโพสหากไม่เหมาะสมก็ลบได้ได้เลยนะคะ บังเอิญท่านฯพระอาจารย์ท่านฯเมตตาแวะมาโพสที่face bookอ.แดงบ่อยๆๆซึ่งคงอ่านจะได้อ่านกันไม่ทั่วถึงเลยเอาเผยแพร่ต่อค่ะคราวต่อไป จะพยายามหาเรื่องสบายๆๆกว่านี้นะคะนี่ก็เย็นมากแล้วขออนุญาตกลับบ้านก่อนค่ะคุณครู
    น้องแดง

    ตอบลบ
  2. แนะนำใครเรื่อง blog ในที่ทำงานใหม่บ้างละครับ

    ตอบลบ
  3. บอกบ้างแล้วคร่าคุณครูแต่ทุกท่านฯงานยุ่งคร่าแค่รับทราบ/รอแต่คนเขียนโปรแกรมที่จ้างไว้ในอดีตมาเขาถึงคุยกันเรื่องโปรแกรมเก่าๆๆที่ใช้งานอยู่ซึ่งอ.แดงเด็กใหม่ยังม่ะเข้าใจคร่าเช่นกรอกระบบลงเวลามาทำงานซึ่งอ.แดงถูกจีบให้มาช่วยทำงานอยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้วไม่เคยลงเวลาในระบบเลยคร่าแต่ลงเวลาสัจจะเจ้าครูมาก่อนปิ้กลูนคริคริ

    ตอบลบ
  4. สาธุค่ะแม่แดง ยังคงติดตามข่าวสารธรรมะเสมอน่ะค่ะ
    ละทุกข์ ละสุข
    ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ไม่มีของเรา...
    พยายามน้อมเข้ามาใส่ใจตัวเองอยู้เจ้า...ทำได้บ้าง..เผลอบ้าง..แต่ไม่เคยคิดจะลืมเจ้าค่ะ

    ตอบลบ