วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปรมัตถธรรมกระบวนการเกิดขึ้นดับไฟแห่งทุกข์


                           ปรมัตถธรรม
กระบวนธรรมของการเกิดขึ้นดับไฟแห่งทุกข์

                     รวบรวมและเรียบเรียงโดย
                                       อาจารย์กัญจนา    เตชะอุด                                                                                   อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมฯ(v-cheer)
                           มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่
                                                              










คำนำ

        สืบเนื่องเนื่องด้วยอาจารย์กัญจนาเตชะอุดอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมฯ(V-Cheer)  มหาวิทยาลัยพายัพมีจิตศรัทธาที่ได้จัดโครงการเปิด
บ้านกัญจนาณมิตร ขึ้นในวันที่ 18  กรกฏาคม 2554ที่ผ่านมานี้โดยได้กราบนิมนต์
พระอาจารย์พระมหาดร.สิงห์ทน นราสโภเจ้าอาวาสวัด(ป่าแก้ว)วรเชษฐ์
จ.พระนครศรีอยุธยามาเจริญพุทธมนต์และแสดงพระธรรมเทศนาซึ่งในวันดังกล่าวหลวงพ่อท่านได้สวดบทพระธรรมจักรกับปวัตตนสูตดังนั้นจึงทำให้เกิดแรงบันบาลใจให้อาจารย์กัญจนาเตชะอุดซึ่งสนใจใฝ่ธรรมะอยู่สงสัยใคร่รู้ถึงรายละเอียดความหมายและความสำคัญของบทสวดดังกล่าวจึงทำการค้นคว้าและได้ไปพบบทความเรื่องปรมัตถธรรมกระบวนธรรมของการเกิดขึ้นดับไฟแห่งทุกข์โดยบังเอิญจึงได้รวบรวมและเรียบเรียงตามชื่อเรื่องและจัดทำเป็นรูปเล่มแจกเพื่อเป็นทานตามที่ท่านได้อ่านอยู่นี้  กุศลใดๆจากเอกสารเล่มนี้ขอถวายเป็นพุทธบูชาและขอให้ถึงแก่บิดามารดาครูอาจารย์ ครอบครัว ผู้มีพระคุณตลอดไปถึงเจ้ากรรมนายเวรขอให้เจริญในธรรมทุกท่านเทอญ

                                                                                                                          กัญจนา  เตชะอุด
      26/7/54


        "ในครั้งตรัสรู้ใหม่ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่ประกาศเผยแผ่ธรรมที่ท่านตรัสรู้  เพราะว่า หมู่สัตว์ทั้งหลายคงยากที่จะเข้าใจในความลึกซึ้งของ ปฏิจจสมุปบาทและนิพพาน"   ตลอดจนการพบพระพุทธพจน์ ที่ตรัสไว้ว่า  ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท    ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม
        และเมื่อศึกษาพิจารณาก็พบว่า เป็นธรรมอันลึกซึ้งที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาอันเป็นเหตุปัจจัยให้ตรัสรู้ อริยสัจ๔ เพราะความจริงแล้ว อริยสัจ และ ปฏิจสมุปบาท ก็ล้วนเป็นธรรมเดียวกันนั่นเอง  และภายหลังตรัสรู้พระองค์ยังทรงพิจารณาโดย  อีกตลอด ๗ วันแรกของการจากการหลุดพ้น  จนบังเกิดพุทธปีติเปล่งพุทธอุทาน อันบังเกิดเป็นในพระศาสนาขึ้นถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา  อันล้วนเกิดจากความปีติพระทัยในความลึกซึ้งของ "ปฏิจจสมุปบาท"  จึงได้ปฏิบัติโดยการในปฏิจจสมุปบาทโดยละเอียดและแยบคาย
        จึงพอได้เห็นธรรมความลึกซึ้งของ ปฏิจจสมุปบาท คือ เห็นถึงกระบวนการหรือกระบวนธรรมของจิตในการเกิดขึ้นแห่งทุกข์และการดับไปแห่งทุกข์โดยละเอียดจนจบครบวงจรอย่างสมบูรณ์  จึงบันทึกไว้ในแนวทางแบบจำแนกแตกธรรมให้เห็นทั้งเหตุและผลโดยละเอียด อันเกิดขึ้นจากการ โยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาโดยละเอียดและแยบคาย ตามความเป็นจริงของธรรม(ธรรมชาติ)นั้นๆ,  จนพอเข้าใจกระบวนธรรมของจิตในการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์อย่างละเอียดโดย ใช้ความรู้ความเข้าใจใน ปฏิจจสมุปบาท และ ขันธ์๕ มาประยุกต์อธิบายในธรรมของพระพุทธองค์โดยพิสดารและถูกต้องตามพระพุทธประสงค์   อันยังให้สามารถเข้าใจใน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น