วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บทความก่อนหน้านี้

ใครที่แวะมาอ่าน blog นี้
คงได้อ่านบทความที่ผมเขียนไปก่อนนี้ และ post ให้อ่านได้ 1 วัน (กลางวัน)
และก็หายไป ...
ขอชี้แจงว่า เป็นบทความที่เขียนด้วยอารมณ์เป็นแรงขับครับ
ขาดสติ ยั้งคิด ต้องขอโทษท่านที่อ่านและแสดงความคิดเห็นครับ และขออนุญาตลบครับ
เพราะกลับมาอ่านแล้ว คิดว่าไม่เหมาะสม เป็นพฤติกรรมที่ไม่บรรลุนิติภาวะ

แต่เรียนถามทุกท่านที่ อ่านและ post comment ทั้งหลาย ที่ผมขอเรียกว่า
ขาประจำ ใน blog นี้ และ blog อื่นๆ เพราะเป็นหน้าเดิม ๆ ว่า...
รู้สึกยังไง ที่ผมใช้คำเรียกท่านว่า "ขาประจำ" ทำไมถึงเข้ามาอ่านและ ment อยู่ได้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ..
หรือท่านเข้ามาเป็นหน้าม้า ... 

หากคนอ่าน เขาคิดว่า ที่ตอบ ๆ ไปนะ มัน fake ละ (ไม่จริง) ทำไปงั้น ๆ ละ เป็นพิธี สร้างภาพละ...
ทำเป็นดูดีอะ.....
ส่วนจะทำตามที่ ment ก็เป็นอีกเรื่องละ ......
แล้วอยากให้เพื่อนคนอื่นที่ไม่เค้ามา ment ได้เข้ามา ment ให้เห็นมุมมองความคิดที่แตกต่างออกไป..
 

ฝากคำถามนะครับที่คำตอบจะเจริญสมองน้อย ๆ ของผม (คงเพราะนอนน้อยแน่เลย)

ตอบนี้  ผมรู้สึกเปราะบาง หวันไหว ขาดสติ ไปข้างหน้าก็ไม่เต็มที่ อยู่เฉย ๆ ก็ถอยหลัง
มืดสิบด้าน (แปดไม่พอ) (ก็ยังเห็นอารมณ์ขันอยู่นะครับ แสดงว่า ยังไม่ serious) ก็หวังได้คำตอบที่เป็นแสงสว่างจะเพื่อนที่แหละครับ

23 ความคิดเห็น:

  1. รู้สึกเฉยๆค่ะกับคำว่า "ขาประจำ" ส่วนที่เข้ามาเม้นท์ในหัวข้อต่างๆ ส่วนหนึ่งเป็นหน้าที่ ส่วนหนึ่งทำไปเพราะความชอบค่ะ ส่วนคนอื่นจะคิดว่าเรา fake มั๊ย หรือว่าเป็นหน้าม้ามั๊ย ไม่สนใจค่ะ ถ้าสิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้วก็จะทำต่อไปค่ะ แต่การทำอะไรสักอย่างเราต้องไม่คาดหวังมากจนเกินไปค่ะ เพราะมันมีหลายปัจจัยเป็นตัวผลักดันความสำเร็จค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจ การเห็นถึงความสำคัญ อุปกรณ์ และสำคัญสุดๆ คือเวลาค่ะ (หนูคิดว่าคุณครูอาจจะอยากแย้งว่าเรื่องเวลาไม่จริง แต่หนูขอยืนยันค่ะว่าจริง ในหนึ่งวัน เตรียมสอน 2 วิชา ตรวจการบ้าน ตรวจข้อสอบ หมดเวลางานแล้วค่ะ กลับบ้านไปก็ต้องทำงานบ้าน ดูแลครอบครัว หมดวันเหมือนกันค่ะ)

    หวังว่าจะเป็นการมองต่างมุมได้บ้างนะคะ

    ตอบลบ
  2. ได้ใจความครับ
    สมัยสอนคอมฯ ทั้งสาขามี อ. 2 คน วิชาที่สอนเป็นวิชาใหม่ เพราะเป็นสาขาใหม่ เขียนตั้งแต่ course description course outline แปลเนื้อหาที่สอน 1 วิชาใช้ text ฝรั่งประมาณ 4 เล่ม สอน 3 - 4 วิชา มีวิชา project มี นศ. ที่ปรึกษา 15 คน 15 project เสาร์ อาทิตย์ เด็กที่ปรึกษาเต็มบ้าน
    วิชา programming เด็ก 80 คน มีการบ้านทุกสัปดาห์ แจกการบ้านวันศุกร์ ส่งวันจันทร์ ตรวจคืนวันพุธ ตรวจและ ment เป็นบรรทัด ๆ ไป ต้องขัดเกลา
    อาชีพสอนหนังสือ งานเยอะ เงินน้อย
    ที่บ้านอยู่กันครอบครัวใหญ่ 7 คน ต้องดูแลอาหารเย็น ทำด้วยซื้อด้วย คละกันไป ยิ่งคนแก่ ทานยาก จู้จี้
    ยิ่งผมเป็นคนเรียนรู้ช้า ทำงานช้า จึงต้องเวลามากกว่าคนอื่น
    แต่ละคนมี pattern ชีวิต สวยงาม แตกต่างกันไป
    ดูเหมือนผมจะว่าง แต่จาก output คงได้คำตอบ
    lab ที่สอนทำเป็น video capture ลง file PDF
    เด็กดูแล้วมาสอบตัวต่อตัว (1 ต่อ 7) ผมเพิ่งทราบว่าต้องสอนในเทอมนี้ 1 อาทิตย์ก่อนเปิด video ต้องทำใหม่เป็น office 2007 หมด
    อาิทิตย์ต่ออาทิตย์ทำแทบไม่ทัน
    คุยให้ฟังครับ ไม่ได้แก้ตัว หรือ สร้างภาพ
    ปล. ศอฉ. เลิกปิด softpedia แล้วครับ

    ตอบลบ
  3. หากเราคิดเราทำอะไรด้วยจิตที่บริสุทธิื์์์์์์์...ใครจะคิดอย่างไรก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจคะคุณครูหนูแดงดิคอย่างนี้คะ ไม่ได้เป็นหน้าม้าด้วยแต่แค่สนใจใฝ่เรียนรู้เองคะchillchilllค้าาาาาาาาาาาาา

    ตอบลบ
  4. คำว่า "ขาประจำ" ก็รู้สึกเฉย ๆ ค่ะ อะไรที่เราทำบ่อย ๆ เพราะเราสนใจ ทำเป็นประจำ เช่น ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อย เราก็ชอบไปทานบ่อย ๆ จนเป็นขาประจำ ก็ไ่ม่ต่างจากการเข้ามาอ่าน blog แล้ว comment หรอกค่ะ ต้อยเองเข้ามาเพราะความชอบส่วนตัว อ่านแล้วก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง อ่านแล้วก็ commentแสดงความคิดเห็นบ้าง ก็ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไร ที่ลำบากนิดหน่อย ตรงที่หาเวลาเข้ามายากด้วยภารกิจ แต่ก็พยายามเข้ามาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ.....

    ตอบลบ
  5. เห็นด้วยกับพี่ต้อยเป็นที่สุดเลยคะ แต่แดงเข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นได้ง่ายและบ่อยๆเพราะภาระอิดน้อยเลยหาภาระอิดใส่ตัวเสมอๆคะทำนี่นั่น...ไปตามประสาคะ

    ตอบลบ
  6. เรียนคุณครู หนูแดงอยู่กับปัจจุบันไม่สนใจอดีตและไม่นึกถึงอนาคตได้ไหม?คะ

    ตอบลบ
  7. ก็อยากเชิญชวนให้ทุกคน 30 - 31 คน(หรือกว่านี้) มาเป็นขาประจำกันหมดเลย

    หากเอาการประกันคุณภาพเป็นเกณฑ์ งานใด ๆ จะสำเร็จต้องผ่านเกณฑ์ 80 เปอร์เซนต์ของการมีส่วนร่วม (ถ้าตัวเลขไม่ผิด)
    อย่าง blog เนี่ย ผมหวังให้มันเป็นศูนย์กลางการสื่อสารกับทุกคน
    แต่ถ้าจะเอาไป show ฝ่ายประกันฯ เค้า ว่าเรามีแบบนี้ ๆ นะ ดีไหม เค้าก็บอกว่าดี (เพราะชมมาแล้ว) แต่พอเขาดูตัวเลขยืนยันสัมฤิทธิผล ปรากฎว่าเข้าร่วม 60 เปอร์เซนต์
    แบบนี้ ประกันฯ ก็ ส่ายหน้า ใช่ไหมเอ่ย
    แล้วทุกท่านก็จะกร่นด่าผม ว่า เห็นไหมชอบทำอะไรที่มันไม่ได้ผล รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็ยัง(โง่) ทำอยู่ (แก่แล้วแก่เลย)
    ...
    พอประกันไม่ผ่าน สมศ ก็ไม่รับรอง
    ranking มหาลัยก็ตก
    นศ. ก็มาน้อยลง (ไปอีก)
    คราวนี้ก็ได้เวลาไล่เบี้ยหาความผิดพลาด ฝ่ายงานสารสนเทศก็รับไปตรง ๆ ยุบฝ่ายนี้ซะ ผมหาที่อยู่ใหม่ (หากยังมีที่ให้ไป) คนอื่นก็ไม่รู้เป็นไง ..

    ตอบลบ
  8. คุณครูค่ะ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ตัววัดสำฤทธิผลของฝ่ายประกันนั้นบอกว่าทำงานสำเร็จตามแผนงานไม่น้อยกว่า 80% ค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าทุก ๆ แผนงานจะต้องวัดความสำเร็จที่ 80% ค่ะ ดังนั้นถ้าธรรมชาติของคณะฯ เราเป็นแบบนี้ ปีนี้เราอาจจะกำหนดไว้ในแผนที่ว่ามีคนเข้าใช้ไม่น้อยกว่า 60% แล้วปีหน้าก็ปรับเป็น 70% หรือคงไว้เท่าเดิม อะไรประมาณนี้นะคะ แค่นี้เราก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้วค่ะ

    ในส่วนตัวปูคิดว่าความคิดริเริ่มของอาจารย์หลาย ๆ อย่างเป็นความคิดที่ดีนะคะ เพียงแต่ปูมองว่าอาจารย์อาจจะคาดหวังผลจนเกินไป ทำให้อาจารย์รู้สึกแย่อย่างทุกวันนี้ค่ะ (หวังว่าอาจารย์จะไปโกรธปูนะคะ)

    ตอบลบ
  9. ถามครูปูว่า ปีต่อไป คณะประเมินฯ เป็นคณะเดิมที่ อ.มาลี เป็นหัวหน้า หรือเปล่าครับ
    ถามต่อว่า รายงานการประเมินผลฉบับสรุปเดินทางจากฝ่ายประเมินฯ ถึงคณะแล้วหรือยังเอ่ย

    ครูปู หาก challenge พวกเราว่า การประกันครั้งต่อไป
    ให้ 7 มาตรฐาน ได้คะแนน 5 เต็ม
    มาตรฐานที่ 2 มาตรฐานด้านงานวิจัยและงานสร้างสรรค์ เป็นส่วนเดียวที่ไม่เต็มละ
    เอาตัวนี้ตั้ง แล้วก็วางแผนย่อยไปเป็นท่อน เป็นท่อน
    ทำยังไง 1 จะได้เต็ม 3 จะได้เต็ม 4 จะรักษาคะเนนเต็ม
    5 กับ 6 จะได้เต็ม และ 7 กับ 8 จะรักษาคะแนนเต็ม
    แล้วเวลาที่เหลือ 200 กว่าวัน ก็ต่อเติม jigsaw แต่ละตัว แต่ละตัว
    จนไปถึงปลายทางที่กำหนดไว้
    เอากันไหม ???

    ความโกรธเป็นปฏิกริยาปกติที่เกิดจากการสนใจนะ แต่มันจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นความงุนงงว่า ทำไมไม่เข้าใจ ก็ต้องมาสงบสติอธิบายใหม่ให้ดีกว่าเดิม
    มันคงไม่ถูกแปรเป็นความเกลียด เพราะเราเข้าใจว่า เราโกรธกันบนฐานของอะไร ใช่ไหม

    ตอบลบ
  10. "ขาประจำ" "หน้าม้า" "เฟค" ไม่มีผลต่อการเข้ามาเม้นท์ของดาวค่ะ
    เพราะตัวดาวเอง เม้นท์ทีก็มหาศาล ไม่ได้มาทุกวันเป็นประจำ นึกออกก็มา อยากเขียนก็เขียน ไม่อยากเขียนก็ไม่เขียน ในบางเรื่องจึงอ่านแต่ไม่ได้เม้นท์ค่ะ

    blog ใดที่เป็นความต้องลงว่าต้อง ตอบรับ ก็จะตอบรับ เพราะมองเห็นถึงผลที่จะตามมา อยากให้ท่านอื่นๆ เห็นเป็นแบบนี้ด้วยนะคะ เพราะมันเป็นหนทางที่จับต้องได้มากที่สุด ณ เวลานี้ หรือหากท่านที่ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เราสื่อสารกันในนี้ ท่านคิดว่ามีวิธีอื่นใดที่จะดีกว่านี้ ก็น่าจะเสนอมาก็ได้ค่ะ

    บางครั้งมนุษย์เราก็มักจะท้อแท้เมื่อทำอะไรครั้งแรกแล้วเกิดอุปสรรค หรือยังไม่ได้ทำก็คิดว่าจะต้องมีอุปสรรค์ซะแล้ว ก็เลยไม่ทำ...ดีกว่า
    อยากให้กำลังใจครูยุทธนะคะ ครูอาจจะคาดหวังมากกว่านี้ แต่ดาวมองว่าเท่าที่เป็นมาจนถึงปัจจุบัน สัญญานก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เราก็ทำกันต่อไปนะคะ

    เห็นมั้ยคะ เม้นท์แต่ละอันของหนูมหาศาลอย่างที่ว่า ไม่ต้องเสกสรรปั้นแต่งอะไรหรอกค่ะ คิดอย่างไรก็เขียน ถ้าคนอื่น(คนอ่าน) จะมองว่า เฟค เราคง
    ไปบังคับจิตใจเค้าไม่ได้ ถ้าเค้าคิดได้อย่างนั้น แสดงว่าคนนั้นแหละกำลัง เฟค ซะเอง 555 (ยืมที่เค้าเม้นท์กันใน เอเอฟ มาอ่ะค่ะ...เอิ๊ก)

    โกรธหนูได้ แต่อย่าเกลียดหนูนะคะ ถ้าอยากจะเกลียดช่วยบอกเหตุผลด้วยว่าเกลียดเพราะอะไร...อิอิ (อยากรู้จริงนะเนี่ย)

    ตอบลบ
  11. ถ้าเราจะนำเอาอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมาเปลี่ยนเป็นแรงพลักดันให้เกิดสิ่งดีๆที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์แก่คณะฯก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ หวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นค้าาาาาาาา

    ตอบลบ
  12. อย่างน้อยมีขาประจำก็ทำให้เรามีกำลังใจไม่ใช่เหรอครูยุทธ เป็นความรู้สึกของคนที่เป็นหัวหน้า ยังดีกว่ามีลูกน้องแล้วไม่มีใครตอบสนองเลยสักคน กระทิงแดงก็ช่วยอะไรไม่ได้

    ตอบลบ
  13. (กระทิงแดงก็ช่วยอะไรไม่ได้ป คือไหอะครูทำเป็นงงไปงั้นเนาะ

    ตอบลบ
  14. คำว่าขาประจำ ไม่ได้มีผลต่อการเข้ามาเม้นท์ของเก๋เช่นกัน
    การเข้ามาใน blog ทุกวันก้อเหมือนกันกับที่เราต้องเข้า 7 11 ทุกวัน
    เพื่อเข้าหาซื้อขนมให้ลูกทุกวัน
    เหมือนเราเข้ามาใน blog เพื่อเข้ามาอ่านข้อความ รับทราบข่าวสารต่าง ๆ
    จะได้ไม่เป็นคนตกยุคค่ะ
    แต่บางหัวข้อก้ออ่านแล้วไม่ได้เม้นท์ ด้วยภาระที่จำกัดบางอย่าง
    หรือไม่บางวันมีอารมณ์ขุ่นมัวมาจากบ้านเลยไม่มีอารมณ์ที่จะมาพูดคุยก่ะใคร
    แต่ก้อเข้ามาเมื่อคิดได้ ทำให้หายขุ่นมัวไปได้บ้างค่ะ
    มีคนเข้ามาดีกว่าไม่มีคนเข้านะคะอ.ยุทธ
    เหมือนเราเริ่มนับ 1 มันก้อจะมี 2 3 4 ตามมาค่ะ
    แต่อาจจะต้องใจเย็นบ้างค่ะ

    ตอบลบ
  15. เห็นด้วยอย่างยิ่งคะหนูเก๋

    ตอบลบ
  16. คุณครูค่ะ ขอตอบดังนี้ค่ะ
    1.คณะผู้ประเมิน น่าจะเปลี่ยนค่ะ ยังไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนไปเป็นใคร ทั้งผู้ประเมินภายในและภายนอกค่ะ

    2.รายงานการประเมินผลฉบับจริงยังไม่มาค่ะ

    3.ตัวชี้วัดของปี 53 ยังไม่มาค่ะ แล้วไม่เหมือนปี 52 เลยค่ะ เพราะฉะนั้นเอาของปี 52 มาทำก่อนไม่ได้ค่ะ เพราะปี 52 มี 8 มาตรฐาน ปี 53 รู้สึกว่าจะเป็น 10 องค์ประกอบค่ะ (อันนี้จำได้คร่าว ๆ นะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ)

    4.ที่คุณครูท้าทาย จะพยายามนะคะ ตอนนี้ที่ไม่มีทางได้ 5 เลย คงต้องเป็น 2 มาตรฐาน (หลักเกณฑ์เดิม) ค่ะ คงต้องเป็นวิจัย และ การเรียนการสอนค่ะ ที่จะไม่ผ่านเกณฑ์เลย คือ สัดส่วน ป.เอก : ป.โท : ป.ตรี สัดส่วน ผศ: รศ: ศ สัดส่วนนักศึกษาเต็มเวลาเทียบเท่าค่ะ อันนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าจะทำให้ได้ต้องเพิ่มจำนวนนักศึกษาค่ะ

    5.คุณครูค่ะ ที่คุณครูไปทำการออกข้อสอบให้เทศบาล.... หนูขอคุณครูเขียนเป็นโครงการให้ด้วยนะคะ แล้วก็ขอให้ทำแบบประเมินผลด้วยเช่นกันค่ะ

    ตอบลบ
  17. คุยที่ข้อ 4 หากรับคำท้า อยากให้คุณครูช่วยบอกชิ้นส่วนแต่ละชิ้นที่ต้องทำเพื่อให้มาตรฐานได้เต็ม
    ข้อ 5 เป็นกิจกรรมที่ทำไปแล้ว เป็นของโรตารีและเราเข้าไปร่วมทำ(เขียนเป็นอีกโครงการเหรอ) และมันเกิดขึ้นไปแล้วนะคงไม่ตรงกับคำว่าโครงการใช่ไหม คงทำแบบประเมินผลให้ไม่ได้
    (แล้วอยู่ ๆ ข้อ 5 มาได้ยังไง)
    คณะประเมินฯ อย่าง ภรรยาผมก็ไปที่เดิม 3 รอบติดต่อกัน เลยถามดูว่าเรา lock spec ได้ไหม (น่าจะนะครู จะได้เห็นโจทย์ชัดยิ่งขึ้น)

    ตอบลบ
  18. อยากได้ตัวอย่างวิชาที่มีตัวตนในพายัพ ที่เป็นตัวอย่างของ วิชาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สัก 2 - 3 วิชา จัดให้ได้เป่าว์

    ตอบลบ
  19. เดี๋ยวลองหาให้นะคะ

    ตอบลบ
  20. คุณครูค่ะ คำตอบของข้อ 4 ตอนนี้ยังบอกชิ้นส่วนไม่ได้ค่ะ สงสัยคงต้องรอประกันคุณภาพมหาวิทยาลัยผ่านไปก่อนมั้งค่ะ เค้าถึงจะดำเนินงานส่วนอื่นต่อค่ะ

    แล้วจะลองถามดูนะคะว่าปีหน้าเป็นอจ.มาลี เหมือนเดิมได้หรือเปล่าค่ะ

    ตอบลบ
  21. รอคำตอบข้อ 5 ด้วยครับ
    ครูคิดว่า หากเป็น อ.มาลี จะน่าสนใจกว่าไหมละครับ
    ที่ฝากถามเรื่อง การสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ก็เป็น 1 comment ของกรรมการว่า อยากจะเห็นรายวิชาแบบนี้
    ก็เลยสงสัยว่า ในพายัพมีไหม จะได้ทำ cloning ดู เพราะจะลองทำได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นเทอมเลย

    ตอบลบ
  22. เอ่อ.... ยอมรับจริงๆว่าไม่เคยเข้า "สัพเพเหระ" ค่ะ เพิ่งเข้าวันนี้ ก็เลยไม่ได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ของครุยุทธ แต่เมื่ออ่านบทความนี้และเม้นท์ทั้งหลาย เลยอยากแสดงความคิดเห็นด้วยค่ะ

    ตัวอิ่มเองไม่รู้ว่าจะถูกเรียกว่าขาประจำได้หรือไม่ เพราะก็เข้า แต่ก็อาจไม่มากและเข้าทุก blog อย่างท่านอื่น เอาเป็นว่าขอถือว่าตัวเองเป็นหนึ่งในขาประจำก็แล้วกันนะคะ แต่เป็นขาประจำลำดับท้ายๆ คำว่าขาประจำ หน้าม้า fake ไม่ทำให้อิ่มรู้สึกอะไรค่ะ เพราะก็เป็นขาประจำจริง ส่วน"หน้าม้า" ใครอยากเรียกก็ตามสบายค่ะ ส่วน "fake" ใครจะว่าก็รู้สึกเฉยๆ เพราะไม่ได้เป็นอย่างนั้น

    โดยส่วนตัวคิดว่า หากใครคิดว่าจะว่าคนอื่นด้วย 3 นี้ หรือคิดว่าคนอื่นเป็นอย่างนี้(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครหรอกนะคะที่คิดหรือว่า) ก็ขอบอกว่า "มือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ" เลยค่ะ มันถ่วงเรือซะเปล่าๆ ดีไม่ดีก็ทำเรือล่มพากันตายยกลำ หากไม่อยากตายก็ยกเท้ากลับขึ้นมา หากอยากให้เรือไปถึงฝั่งไวๆ เพื่อตัวเองจะได้ทำอะไรที่ประสบความสำเร็จซักที ก็ขอความกรุณาช่วยกันพาย หากไม่รักเรือที่กำลังโดยสารอยู่หรือคิดว่าเรือลำนี้นั่งไม่สบาย ก็ไปจากเรือลำนี้แล้วโดยสารลำอื่นเถิด มีเรืออีกตั้งหลายลำให้ท่านนั่ง

    อิ่มขอขอบคุณที่ครูยุทธม้กจะผุดไอเดียใหม่ๆ ดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคณะฯและพายัพขึ้นมาเรื่อยมา ครูยุทธอย่าเพิ่งมืดสิบด้านนะคะ :) แต่มันก็คงจะแปลกหากอิ่มเห็นด้วยไปกับครูยุทธซะทั้งหมด บางอย่างอิ่มก็อาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งหากเรื่องที่อิ่มไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องที่อิ่มคิดว่าไม่เป็นประเด็นสำคัญ อิ่มก็อาจนิ่งเงียบเสีย แต่หากเรื่องไหนที่อิ่มคิดว่ามีประเด็น อิ่มก็จะบอกครูยุทธตรงๆ อย่างที่เคยสัญญากับครูยุทธไว้ค่ะ หวังว่าครูยุทธจะไม่โกรธ และอิ่มเชื่อว่าครูยุทธคงรับฟังหากเวลานั้นมาถึง

    ตอบลบ