วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ช่วงหนึ่งของชีวิต ทุกข์กาย แต่ไม่ทุกข์ใจ


อ.กัญจนา เตชะอุด
ช่วงหนึ่งของชีวิต ทุกข์กาย แต่ไม่ทุกข์ใจ

พุทธพจน์“แม้กายจะกระสับกระส่าย
ก็อย่าให้จิตกระสับกระส่าย”
“คนดีมีปัญญาถึงเผชิญ
อยู่กับความทุกข์ ก็ไม่ยอม
สิ้นหวังที่จะได้ประสบความสุข”

นับตั้งแต่23 มี.ค.51จนถึงปัจจุบัน อ.แดงป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตันจนทำให้ร่างกายเป็นอัมพฤกษ์แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรงรวมระยะเวลาจนถึงขณะนี้ก็นับได้ประมาณ2ปีกว่าจึงขอแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ดีๆ ที่ค้นพบแก่ผู้ที่สนใจดังนี้คะ......

เส้นเลือดสมองอุดตัน
เป็นโรคหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งประกอบ ไปด้วย 3 โรคหลักๆ ได้แก่ เส้นเลือดสมองตีบ แตก และ อุดตัน โดยที่เส้นเลือดสมองตีบเป็นแบบที่พบได้มากที่สุด ( 80 – 85% )
เส้นเลือดที่ตีบเกิดจากการหนาตัวของผนังหลอดเลือด รวมทั้งอาจมีเกล็ดเลือด หรือองค์ประกอบอื่นๆ ของเลือด มาสะสมตามผนังหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง ถ้าเป็นมาก ก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียง และเกิดความเสียหายต่อเซลล์สมองบริเวณนั้นๆ
มีอาการอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากสมองมีหลายส่วน แต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้น อาการในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นกับบริเวณของสมองที่มีเส้นเลือดตีบ อาการที่พบได้แก่

1. แขนขาอ่อนแรง หรือชาซีกใดซีกหนึ่ง (บางกรณีอาจเป็น ทั้ง2ซีก) ขยับตัวไม่ได้
2. ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด หรือสำลัก
3. พูดไม่ได้ หรือฟังไม่รู้เรื่อง (มีปัญหาด้านความเข้าใจภาษา)
4. เวียนศีรษะมาก เดินเซ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและปวดศีรษะมากตลอดจนมีอาการหาวติดต่อกันนานๆทั้งที่ไม่ได้ง่วงนอนเลยสาเหตุเพราะกำลังเกิดภาวะสมองขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน!!!
5. หรืออาจจะมองไม่เห็นซีกใดซีกหนึ่ง
โดยลักษณะสำคัญของอาการที่เกิดคือ เป็นค่อนข้างเร็ว และกะทันหัน!!!
ช่วงที่นอนป่วยอยู่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ยาที่ดีที่สุดคือการได้รับกำลังใจ ทั้งจากญาติๆ
ทั้งจากผู้บริหาร คณาจารย์ตลอดจนบุคลากรจากมหาวิทยาลัยพายัพและเพื่อนๆที่ต่างก็แวะเวียนไปให้กำลังใจและอธิษฐานหนุนใจทั้งที่โรงพยาบาลฯและที่บ้านแต่สุดแล้วแดงเองกลับค้นพบว่ากำลังใจจากใครๆก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับ(กำลังใจที่เราแก่ตัวเราเอง)
และเลือกทำแต่สิ่งดีให้ตัวเองเช่นเลือกอ่านหนังสือที่มีคุณค่าเช่น
1.หนังสือฉลาดทำใจ ของพระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม
2.หนังสือวิธีแก้เซ็งสร้างสุขโดยนายแพทย์ประเวศ วะสี
3.หนังสือ ชวนม่วนชื่น ธรรมะมีบันเทิงหลายเรื่องเล่าโดยพระอาจารย์พรม
นอกจากนั้นก็จะเลือกฝังเพลงที่ให้กำลังใจจากwebของคณะบัญชีเช่น live and lern และเพลงศรัทธา ของหินเหล็กไฟและยังเลือกดูรายการทีวีที่สร้างสรรค์เช่น รายการชีวิตนี้ยังมีหวัง เป็นต้น
ทุกข์เวทนาในยามเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพนั้นเป็นสิ่งจริงแท้ไม่มีใครหนีพ้น แต่ทุกข์ทรมานนั้นมักเกิดขึ้นเพราะเราเอาใจเข้าไปผสมโรง ซ้ำเติมเข้าไปด้วยเสมอ ดังนั้นหากเรารู้จักทำใจและรักษาใจให้เป็น ... ก็มีแต่กายเท่านั้นที่ทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ด้วยและที่ยิ่งไปกว่านั้นยังจะพบว่าใจที่เป็นปกติ ยังช่วยบรรเทาทุกข์ทางกายได้ด้วยคือการหาประโยชน์จากทุกข์เวทนาที่เผเชิญอยู่ เพื่อยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น อะไรที่เกิดขึ้นกับเรา ก็ไม่เท่ากับว่าเรามองหรือรู้สึกกับมันอย่างไร หากเรามีสติอยู่กับตัวเสมอเรื่องที่ประสบจะมากมาย(รุนแรง)แค่ไหนก็ย่อมไม่เป็นทุกข์ ดังนั้นแดงจึงเลือกที่จะป่วยแต่กายโดยจะไม่ขาดสติแลไม่ยอมให้ใจป่วยตามไปด้วย(ไม่ทุกข์ใจและไม่กังวลใดๆๆ)ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติโดยเลือกใช้ชีวิตให้เหมือนคนปกติและตระหนักรู้ ว่าสังขารไม่เที่ยง ความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของชีวิตเพราะเชื่อว่า หากใครไม่ปล่อยวาง ชีวิตคงจะหายป่วยได้ยากและแดงยังเลือกทำความดีเสมอโดยไม่รอว่าให้หายป่วยก่อน
แดงมักจะเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่า“ยังโชคดีที่ไม่ป่วยหนักกว่านี้”เพราะถึงแม้แดงไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ดังแต่ก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม สติ ใจ สมองของแดงยังสามารถนึกคิดได้อย่างไร้ขอบเขต โดยไม่ยอมให้ขีดจำกัดทางร่างกายมาเป็น เครื่องจองจำตัวเอง(...เสรีภาพที่แท้จริงอยู่ที่ใจมิใช่อยู่ที่กาย...ไม่มีใครกักขังใจเรานอกจากตัวเราเอง...)ถึงในยามเจ็บป่วยจะไปไหนมาไหนลำบากต้องอาศัยพึ่งพาคนอื่นบ้าง ระหว่างที่ป่วยแดงจะไม่ยึดติดับอดีตเมื่อครั้งกระฉับกระเฉงยังคล่องแคล่ว ถึงแม้ความจริงในปัจจุบันอาจจะทำให้การดำเนินชีวิตไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน แต่อดีตก็ไม่หวนกลับมาได้ง่ายนักปล่อยให้มันผ่านเลยไปและพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เริ่มจากการยอมรับมันและพยายามใช้ ศักภาพทางกายที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยจะไม่ซ้ำเติมตัวเองว่าทำไมต้องเป็นฉัน!!!แต่คิดกลับกันว่าทำไมจะเป็นฉันไม่ได้ โรคนี้ไม่ได้เกิดกับเราคนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ป่วยด้วยโรคนี้เช่นเดียวกับเรา เราไม่ได้เคราะห์ร้ายกว่าใครเลยแต่ยังมีโชคดีที่แฝงอยู่คือ
1.ทำให้เสียเวลากับสิ่งภายนอกน้อยลง
2.ทำให้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
3.ทำให้มีเวลาศึกษาธรรมะอย่างเต็มที่
4.ทำให้มีเวลาทำสมาธิภาวนาทำใจสงบแลเอาความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาเป็นเครื่อง สอนธรรมว่า ร่างกายนอกจากไม่เที่ยงแล้ว ยังไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ในอำนาจการควบคุมของเราได้เลย โดยในช่วงเวลาที่ยังปกติอยู่ เรามักคิดว่า ร่างกายของเราจะคงตัวไปเช่นนี้ตลอดและอยู่ในการควบคุมของเราได้ แต่เมื่อแดงป่วย มันสามารถทำลายความหลงนั้นได้อย่างสิ้นเชิงและยังแสดงสัจจะธรรมให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นไม่ว่าใครจะประสบปัญหาหรือเผชิญเหตุร้ายใดๆ ก็ขอให้ใช้สติโดยรู้จักมองและรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นนะค่ะ ดังคำกล่าวที่ว่า“ถ้าท้อเป็นถ่าน ถ้าผ่านเป็นเพชร” และแดงก็ไม่อยากเป็นถ่านค่ะ

19 ความคิดเห็น:

  1. เรียน ครูยุทธ
    แดงทำสำเร็จแล้วคะ พยายามประติดปะต่อเรื่องราวใช้เวลาอยู่พอสมควรคะ...จิ้มดีด จริงๆๆคร้าา(9.00น.-12.00น.)

    ตอบลบ
  2. เป็นบทความที่ดีจริง ๆ ค่ะ ปูเห็นด้วยนะคะ คนเราแม้ร่างกายจะไม่ป่วย แต่ถ้าใจป่วย สุดท้ายร่างกายก็จะป่วยตามจิตใจไปจริงๆ ในทางกลับกัน แม้ร่างกายจะป่วยแต่จิตใจไม่ป่วย สุดท้ายร่างกายก็จะหายเจ็บป่วยไปกับจิตใจ (ดูจากแม่ปูเอง ถ้าช่วงไหนเครียด เอาหล่ะอาการป่วยก็กำเริบ ช่วงไหนมีความสุข ช่วงนั้นสุขภาพก็แข็งแรงดี)

    ตอบลบ
  3. แดงพิมพ์บทความนี้ใน wordและได้printให้อ.พัทร์ช่วยอ่านพร้อมคำชี้แนะหรือข้อคิดต่างๆตามแนวทางนักปรัชญาได้ข้อสรุปดังนี้คะ
    กายเคลื่อนไหวคือภาวะทางวัตถุ ใจเคลื่อนไหวคือภาวะรู้
    ทั้งจิตและกายต้องเคลื่อนไหวคือชีวิต แต่จิตที่ไม่ยึดเหนี่ยวสิ่งใดไว้เป็นตัวตน
    ตัวตนของทุกข์ก็ไม่มี ตัวตนของสุขก็ไม่มี ภาวะจิตว่าง...คือเป็นอย่างที่เป็นไม่เป็นอย่างที่เห็น...+++respronsibility+++

    ตอบลบ
  4. ดีจังเลยคะ..ป้า

    ขอบคุณคะ

    ป้าก็..สู้..สู้ นะคะ

    เพราะป้ามีกำลังใจจากทุก ๆ คน นะจ๊ะ

    ตอบลบ
  5. ใช่เลยคะ่ป้าแมว... ป้าแดงสู้ๆๆอยู่แล้วเพราะป้าแดงมีกำลังใจจากทุก ๆ คนนั่นเอง

    ตอบลบ
  6. อย่างที่ครูยุทธบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะให้กำลังใจซึ่งกันและกันตลอดไป มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมสุขด้วยกัน อุปสรรคใดไม่สามารถล้มล้างเราได้หากเราพร้อมที่จะสู้เมื่อเกิดปัญหานะคะ...

    ตอบลบ
  7. ใช่เลยจะ๊หนูเฟื่องขอบคุณข้อคิดดีๆจากเฟื่องเช่นเคยคะ
    ครูแดง

    ตอบลบ
  8. ของจริงมันจะมีรสชาด มีเสน่ห์ของมันเองครับ เหมือนเราทานไข่เจียว ที่ใคร ๆ ก็ทำทานได้ แต่ไข่เจียวของแต่ละคนจะมีรสชาดเฉพาะเพียง 1 เดียว
    บทความแบบนี้อ่านได้หลายรอบ และยิ่งเป็นบทความจากคนที่เรารู้จัก มักคุ้น มันมีมิติ มีตัวตน มีความสวยงามอยู่ภายในครับ
    เวลาอยากทำจะ เก้าโมงถึงเที่ยงคืน ก็ไม่เป็นปัญหาเลยนะครับ
    ขอบคุณ (ซึ่งกันและกัน) ครับ
    It's people who make us happy. Not material or things.

    ตอบลบ
  9. บทความนี้คงจะสำเร็จไม่ได้ถ้าแดงยังเข้าไม่ถึงสิ่งครูยุทธคอยถามบอกคอยคอยเตือนและเป็นกำลังใจรวมถึงกรุณามาสอนเรื่องblog.ให้(คำถาม อ.แดงพร้อมจะนำเสนอหรือแบ่งปันประสบการณ์จากความเจ็บป่วยหรือยัง???? ถามมากกว่า1ครั้งเลยคะ)...เลยเป็นแรงพลักดันให้แดงตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่เข้าถึงเรื่องเหล่านี้จริงๆขอขอบพระคุณ คุณครูยุทธมาณ โอกาสนี้อีกครั้งคะ
    อ.กัญจนา(น้องแดง)

    ตอบลบ
  10. เป็นกำลังใจให้เสมอน่ะค่ะ แม่แดง

    ตอบลบ
  11. เป็นกำลังใจให้ครูแดงเสมอ เราเป็นคนไม่เต็มร้อยเหมือนกัน(ร่างกาย) แต่เรายังมีกำลังใจล้นเหลือจากคนรอบข้าง

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณคะครูตี้ แดงระลึกรู้ได้แล้วว่าเพราะเราได้กำลังใจจากคนรอบข้างมากๆนี่เอง มันเลยทำใ้ห้เกิดกำลังใจของเราเองขึ้นมาเพื่อที่จะส่งมอบใ้ตัวเราเองเนาะครูตี้เนาะต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งคะ

    ตอบลบ
  13. ครูตี้ขา ร่างกายเป็นสิ่งสมมุติใ้ห้มันเป็นไปอย่างที่มันเป็น ไม่ต้องผูกติดยึดติดนะคะ เป็นเพียงธาตุทั้ง 4 เท่านั้น ดิน น้ำ ไฟ ลม เท่านั้น ไม่ใ่ช่ตัวเรา สิ่งที่แดงประสบอยู่ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม กำลังแปรปรวนอย่างหนักก็เท่านั้นเองขาดสมดุล!!!ประมาณนั้นเองคะ

    ตอบลบ
  14. ร่างกายเป็นสิ่งสมมุติ เฮอ อาจารย์พูดเหมือนว่ามันง่าย ๆ ยังงั้นเลยนะครับ
    ผมนะไม่สามารถพิจารณาไปถึงจุดนั่นได้ครับ

    ตอบลบ
  15. แดงคิดได้ง่ายๆอย่างนั้นจริงๆคะมาจากใจลึกๆข้างในให้มันเป็นไปตามธรรมชาตินะคะเสมือนตัวเองบวชอยู่ยังไงก็ไม่รู้สงสัย???จะซึมซับรับมาจากท่านอาจารย์ที่มีปรัชญาดีๆในห้องนี้ละมังเนี้ยเราพักหลังพูด/เขียนอะไรเป็นปรัชญาไปหมด

    ตอบลบ
  16. เรียนอ.ยุทธน่าจะเป็น+++ ตัวอัถตา+++นะคะที่ทำใ้ห้แดงพิจารณาได้จนถึงระดับนี้ได้

    ตอบลบ
  17. ขอโทษคะพิมพ์ผิดอีกแล้วคะท่านต้อง!!!อัตตา+++ตัวนี้คะ

    ตอบลบ
  18. ขอขยายความคะคือชาวพุทธส่วนใหญ่จะรู้จักองค์ประกอบของพระไตรลักษณ์( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)หรืออาจจะไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าพระไตรลักษณ์ฉนั้นผู้ที่มีธรรมะอยู่ในใจและเข้าใจธรรมชาติก็จะไม่มีอัตตา(อนัตตานั่นเองแหละค่ะ )

    ตอบลบ